Monday 31 July 2017

[ฉวนจื๋อ Fanfiction] ตาพายุ (ชุน>>หลาน>>เยี่ย) [One-shot]




คำเตือน
- เนื้อหามีกล่าวถึงชื่อจริงของหลานเหอและชุนอี้เหล่าค่ะ
- เป็นแฟนฟิกชั่นที่มีกลิ่น BL (ชายรักชาย) รับไม่ได้ปิดนะคะ
- จำช่วงเวลาในเล่มได้ไม่ชัดเจน แต่ถ้าอ่านมาถึงเล่ม 6 แล้วก็เรียกว่าน่าจะปลอดภัยไร้สปอยล์ค่ะ




Title : ตาพายุ
Fandom : เทพยุทธ์เซียน Glory
Paring : ชุน>>หลาน>>เยี่ย





เหลียงอี้ชุนรู้ว่าออกจะเป็นการเสียมารยาทไปสักหน่อย สำหรับการอ่านแชตของคนอื่นจากด้านหลัง แต่สาบานได้ว่าเขาไม่เจตนา

เขาเพียงเดินผ่านมาเท่านั้น เห็นสวี่ปั๋วหย่วนนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์ด้วยท่าทางเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตั้งใจจะส่งเสียงทัก ทว่ายังไม่ทันได้อ้าปาก สายตาพลันเหลือบไปเห็นข้อความที่ค้างอยู่บนหน้าจอติดต่อระหว่างตัวละครในเกม

อยู่กับเกอก็มีความสุขออกไม่ใช่หรือ

ราวกับจะได้ยินน้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ส่งมาผ่านตัวอักษร ไม่ต้องอ่านชื่อด้วยซ้ำ เจ้าของข้อความนั้นคือจวินม่อเซี่ยวอย่างไม่ต้องสงสัย

เสี่ยวหลานก็เป็นคนมีฝีมือ เรามาสร้างอนาคตด้วยกันดีกว่าน่า

กุ่น!!!!’

สวี่ปั๋วหย่วนกระแทกคีย์บอร์ดกลับไปว่าอย่างนั้น แต่คนพิมพ์เอง หลังส่งข้อความไปแล้วกลับนั่งเหม่อไม่ขยับ นิ่งงันราวกับหุ่นยนต์รูปมนุษย์ที่หยุดทำงานไปแล้ว เว้นแต่เพียงใบหูสองข้างซึ่งมองเห็นจากข้างหลังว่าเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ

ครู่ใหญ่กว่าเจ้าตัวจะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งยาว ๆ จากนั้นปิดหน้าต่างข้อความลง พาตัวละครกลับเข้าสู่เขตเก็บเลเวลอีกหน

ระหว่างนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ทันสังเกตสักนิดว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้

เจ้าหนูนั่นความรู้สึกช้าเหลือเกิน

ทั้งเรื่องที่ไม่ระวังในชีวิตจริงจนโดนเขาจ้องขนาดนี้ก็ยังไม่รู้ตัว แล้วยังไม่ระวังในเกมจนโดนคนจรมากเล่ห์นั่นโน้มน้าวขนาดนี้ก็ยังไม่รู้ตัวเช่นกัน

เหลียงอี้ชุนสังเกตได้มาสักระยะใหญ่ แต่ตกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เห็นสวี่ปั๋วหย่วนเหม่อบ้างถอนหายใจบ้างจนแทบขุดปอดออกมากองข้างนอกอยู่แล้วก็นึกสงสารจนอึดอัด ไม่รู้เจ้าเด็กซื่อคนนั้นจะหลงอยู่ในวังวนความคิดฟุ้งซ่านของตนไปอีกนานแค่ไหน

แต่ครั้นจะอ้าปากชี้ทางให้ฝ่ายนั้นตระหนักได้สักที ก็พบว่าเป็นเขาอีกนั่นละ ที่หวังว่าสวี่ปั๋วหย่วนจะไม่มีวันรู้ใจตัวเองตลอดไป อย่างน้อยเขายังอยู่ใกล้ชิดอีกฝ่ายซึ่งเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าตนเองไม่ได้ตกหลุมรักมหาเทพแห่งกลอรี่ผู้นั้นเข้าแล้ว

ใช่ สวี่ปั๋วหย่วนตกหลุมหมอนั่นแน่แล้ว เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีคนคอยชี้หรือป่าวประกาศ หากมีใจนึกสังเกตเอาสักหน่อย คนใกล้ตัวล้วนดูออกไม่ยาก เพียงแต่กลางตาพายุย่อมไม่รู้สึกถึงพายุ คนที่ไม่รู้ตัวสักที เห็นจะมีแต่ตัวสวี่ปั๋วหย่วนนั่นเอง

ชั่วขณะหนึ่ง เหลียงอี้ชุนนึกอยากเก็บเด็กคนนี้ไว้กลางตาพายุตลอดไป

“ปั๋วหย่วน” เขาส่งเสียงเรียกเบา ๆ

อีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก เหมือนเพิ่งหลุดจากภวังค์ รีบหันกลับมามองทางเขาซึ่งทำทีประหนึ่งเพิ่งเดินเข้ามาวินาทีนี้เอง

“ครับ?”

“เกือบเช้าแล้ว ยังไม่นอนอีกหรือ?”

ประโยคแสดงความเป็นห่วงเป็นใยนี้ แท้จริงแล้วไม่จำเป็นนัก พวกเขาทุกคนล้วนมีประสบการณ์ออนไลน์ต่อเนื่องในช่วงเวลาที่คนปกติหลับใหลกันอยู่แล้ว เพียงแต่ขอบตาคล้ำอย่างคนอดหลับอดนอนของอีกฝ่าย เห็นเข้าแล้วก็อดเอ่ยปากเตือนสักหน่อยไม่ได้จริง ๆ ในฐานะหัวหน้า ในฐานะเพื่อนร่วมงาน หรือมากกว่านั้นสักหน่อย...อาจเป็นในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง

เหลียงอี้ชุนไม่ได้อยู่กลางตาพายุเหมือนอย่างคนตรงหน้า ความรู้สึกของตนต่ออีกฝ่ายเป็นเช่นไร เขาย่อมรู้ตัวดีเสมอ เพียงแต่ความหนักอึ้งในอกนี้ ชวนให้กลับมานึกทบทวนอยู่เหมือนกัน ว่าแท้จริงแล้ว...แบบไหนเจ็บปวดกว่า ระหว่างยืนมืดมนอยู่กลางตาพายุ ไม่รู้ตัว หนีไปไหนไม่ได้ หรือรู้แจ้งในความรู้สึกตนเองเต็มที่ และรับผิดชอบต่อความปรารถนาซึ่งไม่มีวันเป็นจริงด้วยการแบกรับทั้งหมดนั้นไว้ในความเงียบงัน

สวี่ปั๋วหย่วน หากเป็นนาย จะเลือกแบบไหน

“อีกนิดเดียวจะเลเวลอัพแล้วครับ” อีกฝ่ายตอบพลางยิ้มน้อย ๆ

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “ไม่ใช่ว่าจะเลเวลอัพตั้งแต่เมื่อค่ำแล้วหรอกหรือ”

“พอดีมีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย เลยต้องหยุดเก็บเลเวลไปช่วงหนึ่ง” กล่าวถึงตรงนี้ สวี่ปั๋วหย่วนกลับหลบตาอย่างไม่แนบเนียน เห็นได้ชัดว่า เรื่องยุ่งยากนิดหน่อย นั้น หมายถึงเรื่องเกี่ยวกับจวินม่อเซี่ยวเป็นแน่

เขาตัดสินใจมองข้ามท่าทางแบบนั้นไปเสีย

“เซิร์ฟสิบเป็นไง”

“เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วครับ”

“แล้วนายล่ะ”

“เอ๋?” อีกฝ่ายชะงัก มองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“เป็นไงบ้าง?”

สวี่ปั๋วหย่วนทำตาปริบ ๆ “ผม?”

“มีอะไรที่ลำบากใจหรือเปล่า ตอนนี้เร่าอ้านฉุยหยางก็ไม่ได้—”

พอแล้ว

เขาห้ามตัวเองไม่ให้พูดต่อ กลืนถ้อยคำที่เหลือลงคอไป

“ไม่มีอะไร” ชายหนุ่มโบกมือเบา ๆ “พอเลเวลอัพก็รีบไปนอนเสีย”

เอ่ยเท่านั้นแล้วหันหลังกลับ ไม่กล้าเหลียวไปมองอีก

เมื่อครู่เขาตั้งใจจะพูดอะไร

เร่าอ้านฉุยหยางก็ไม่ได้มาก่อกวนแล้ว อยากกลับมาอยู่ด้วยกันที่อาณาจักรทวยเทพไหม?

กลับมาอยู่เคียงข้างฉันเหมือนเดิมดีไหม?

เดินจากมาได้ไม่ทันกี่ก้าว เสียงสวี่ปั๋วหยวนดังขึ้น เป็นบทสนทนากับคนในเกม คราวนี้คงพาตัวละครมาเจอหน้ากันแล้ว จึงสามารถสื่อสารด้วยการพูดได้เหมือนยืนอยู่ด้วยกันจริง

“คุณนี่มัน...ไร้ยางอายที่สุด!

เหลียงอี้ชุนโคลงศีรษะไปมา ตื้ออยู่ในอก หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

ระหว่างที่สวี่ปั๋วหย่วนยังหาทางออกจากตาพายุไม่เจอ เขาเองคงต้องทำตัวเสมือนหนึ่งอยู่กลางตาพายุเป็นเพื่อนอีกฝ่ายไปก่อนกระมัง






- End -





//หลานเหอ เธอรักเขา!

//หล่อมักนก ซกมกมักได้ โอ๋นะพี่ชุน ไม่ร้องนะคนดีย์ ;{};



No comments:

Post a Comment