คำเตือน
- เนื้อหากล่าวไปจนถึงเล่มหกของไทยค่ะ
(กับมีคำศัพท์คำหนึ่งที่ออกมาในเล่มเจ็ดไทยค่ะ)
- เป็นแฟนฟิกชั่นที่มีกลิ่น BL ค่ะ (ชายรักชาย) รับไม่ได้ปิดนะคะ
Title : ที่รัดผม
Fandom
: เทพยุทธ์เซียน Glory
Paring
: เยี่ยหลาน
(เยี่ยซิว*หลานเหอ)
“เหม่ออะไร คุณตั้งใจมาตายหรือ?”
เสียงเตือนนั้นทำเขาหลุดจากภวังค์
รีบรัวนิ้วบังคับตัวละครเจวี๋ยเซ่อให้โจมตีมอนสเตอร์ที่พุ่งเข้าใส่
หลังจากเขาทะเล่อทะล่าเข้าไปในอาณาเขตความเกลียดชังเกือบยกฝูงไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร
นับแต่มีไอดีสายลับ—ที่ตอนนี้ก็ไม่น่าเรียกว่าเป็นสายลับได้แล้ว—จับพลัดจับผลูมาช่วยจัดการกองทัพนู้บในกิลด์ซิงซินแบบตามน้ำ
ดูเหมือนจะเผลอใจลอยอยู่บ่อยครั้งจนถูกทักเอาได้ ปรัชญาชีวิตพิลึกอย่างเช่น
เริ่มต้นเล่นกลอรี่เพราะอะไร
สถานะหนึ่งในห้ายอดฝีมือที่ถือครองอยู่ในอาณาจักรทวยเทพนั้นจีรังหรือไม่
ตายแล้วไปไหน (แน่นอน ถ้าโดนมอนฟาดตายตรงนี้ก็ไปเกิดใหม่)
อะไรต่อมิอะไรผสมปนเปกันจนเหมือนหลุดไปอีกมิติอยู่บ่อย ๆ
“เห็นยืนนิ่ง นึกว่าไม่อยู่แล้วเสียอีก”
“ผมแค่คิดอะไรนิดหน่อย” เขางึมงำ เหวี่ยงดาบใส่มอนสเตอร์ที่กระโจนเข้ามาจากอีกฝั่ง
“เหอะ ๆ”
อีกฝ่ายหัวเราะเหมือนรู้ว่าเขาแค่พูดไปส่ง ๆ ไม่เอ่ยอะไรต่อ
ใช้เขี้ยวมังกรแทงใส่เจ้าตัวที่โผล่มาล่าสุดทีหนึ่งจนมันติดสตัน จากนั้นหลบฉากไปยืนว่างดูเขาฟาดฟันกับพวกที่เหลือ
แม้ไม่อาจคาดเดาสีหน้าด้านหลังคีย์บอร์ด แต่เห็นว่าขนาดตั้งใจจะอยู่เฉย
ก็ยังอุตส่าห์ใช้การควบคุมย่อยสั่งให้ตัวจวินม่อเซี่ยวยืนกอดอกไขว้ขา
เอนกายพิงต้นไม้ด้วยท่วงท่าประหนึ่งจะถ่ายแบบ น่าหมั่นไส้อย่างถึงที่สุด
แต่ถึงอย่างไร
ตอนนี้ควรโยนความหมั่นไส้ทิ้งไปก่อน หันมาให้ความสำคัญกับการต่อสู้ตรงหน้า เมื่อครู่เหม่อหนักไปหน่อย
อีกทั้งไอดีสายลับนี้เขาไม่ได้เอามาใช้เก็บเลเวลจริงจังนัก
อุปกรณ์ติดตัวก็ใช่จะดีเลิศ เพียงแต่วันนี้รู้สึกเบื่อขึ้นมา
อยากปล่อยมือจากเรื่องปวดหัวทั้งหลายในกิลด์สักช่วงหนึ่งสั้น ๆ
จึงตัดสินใจเข้ามาเล่น ยามนี้ต้องสู้กับมอนสเตอร์หลายตัวพร้อมกัน
นับว่าตึงมือไม่น้อย
เดิมทีเขาตั้งใจเพียงเตร็ดเตร่ไปเรื่อย ๆ
ลำพังสักสองสามชั่วโมง ไม่นึกว่ายังเรื่อยเปื่อยได้ไม่ทันเท่าไร
กลับมีตัวกวนอารมณ์โผล่มาเหมือนมีใครร่ายเวทอัญเชิญคนจร
“ช้าจัง” จวินม่อเซี่ยวเอ่ยเสียงเนือย
ระหว่างหลานเหอสู้มือเป็นระวิง เขาหรืออุตส่าห์บังคับตัวละครให้เหลือบไปมอง
กังวลอย่างไร้ความหมายว่าอีกฝ่ายจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
ก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังทำท่าแคะเล็บ
หลานเหอแจกจุดรัว ๆ “...”
“เหอะ ๆ” ดวงตาของตัวละครจวินม่อเซี่ยวไร้แวว
สีหน้าก็ไม่แสดงอารมณ์
แต่เสียงหัวเราะเรื่อยเฉื่อยของคนควบคุมนั่นมันช่างแสลงหูอย่างถึงที่สุด
“เก็บกวาดเสร็จแล้วเรียกเกอนะ”
“จะไปไหนก็ไปเลยไป!”
“จิ๊ ๆ ๆ ไล่กันอย่างนี้เสียน้ำใจรู้ไหม”
อีกฝ่ายยังว่าไปเรื่อย “ไม่ใช่ว่าเรามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันหรอกหรือ”
“ใครไปมีสัมพันธ์อันดีกับคุณ!”
ท่านเทพก็ท่านเทพเถอะ เขาต่อในใจ
บางทีพอฝันสลายซ้ำ ๆ จากตัวจริงที่ต่างกับภาพลักษณ์ท่านเทพเยี่ยชิวในจินตนาการเกินไป
ก็อดไม่ไหวจะต่อปากต่อคำ มีสวนเข้าให้บ้าง
“เราเคยทำการค้ากันนี่นา เคยร่วมปาร์ตี้ลงดันหวานชื่น”
คราวนี้จวินม่อเซี่ยวทำท่านับนิ้ว
การควบคุมย่อยละเอียดอ่อนขนาดนั้นถูกนำมาใช้กับเรื่องไม่เป็นเรื่องจนเห็นแล้วหงุดหงิดอย่างไรพิกล
“แล้วช่วงนี้ยังมาช่วยเกอเลี้ยงลูกอีก”
“เลี้ยงนู้บไม่ใช่เรอะ!”
คราวนี้ถึงกับหลุดเสียงตวาด เริ่มคิดว่าถ้าเจอมอนสเตอร์พร้อมกับคนจร
ให้ฟาดคนจรก่อนท่าจะดี
จวินม่อเซี่ยวหัวเราะ
“ยอมรับว่ามาช่วยเลี้ยงจริงด้วยสินะ”
เหมือนเห็นหลุมอยู่ตรงหน้าแล้วก็กระโจนพรวดลงไปอย่างโง่เง่าที่สุด
หลานเหอพูดไม่ออก เริ่มคิดว่าหรือถ้าเขาตีคนจรให้ตายไม่ได้
ก็ควรปล่อยให้มอนพวกนี้ฟาดตัวเองให้ตาย ๆ แล้วไปเกิดใหม่เสียจบเรื่องจบราว
ขณะต่อสู้
เหลือบเห็นการควบคุมตัวละครจวินม่อเซี่ยวให้ทำท่านั้นท่านี้เหมือนกำลังรอเขาอยู่จริง
ๆ แล้วชวนประสาทเสีย เมื่อครู่นี้นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้า
หันไปอีกทีกำลังเท้าคางพลางยกมืออีกข้างขึ้นจ่อริมฝีปากเหมือนกำลังเป่าปาก
คนเรามันจะต้องว่างขนาดไหนถึงมานั่งโชว์การควบคุมท่วงท่าบ้า ๆ บอ ๆ
ชมอีกฝ่ายรบรากับฝูงมอนสเตอร์
“ให้ช่วยไหม”
เห็นจวินม่อเซี่ยวยกมือป้องปากทำท่าตะโกน
พลางเอียงคออย่างน่ารักซึ่งไม่ได้เข้ากับแฟชั่นคนจรสักนิด
หลานเหอหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ตัดสินใจทำหูทวนลมประหนึ่งไม่รู้จักเจ้าคนที่นั่ง
ๆ ยืน ๆ เปลี่ยนท่าไปมาอยู่ตรงนั้น
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง
กว่ามอนสเตอร์ตัวสุดท้ายจะถูกโค่นลงได้ในที่สุด จวินม่อเซี่ยวตบมือแปะ ๆ
เหมือนผู้ปกครองมาชมการแสดงของบุตรหลานในงานโรงเรียน
“เสี่ยวหลานทำได้ดีมาก” ว่าพลางบังคับตัวละครชูนิ้วโป้ง
“เสร็จแล้วอย่าลืมไปช่วยเกอเลี้ยงเด็กต่อ”
“ไม่เลี้ยงแล้ว!” เขาโวยวาย
“ผมไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็ก!”
“ถ้าอย่างนั้นเข้ามาออนไอดีนี้ทำไมล่ะ”
ถึงคราวหลานเหอแจกจุดให้ตัวเอง
จากนั้นรีบแก้ตัวต่อในใจเป็นพัลวันว่าเขาแค่เบื่อเท่านั้น จึงมาหาอะไรที่สบายใจทำสักหน่อย
“ไม่ใช่ว่าอยู่กับเกอแล้วสบายใจกว่าหรอกหรือ”
อีกฝ่ายยังเล็งจุดตายราวกับอ่านใจได้
คราวนี้หลานเหอได้แต่กลืนจุดยาวเหยียดของตัวเองลงไป อยากเถียงก็เถียงไม่ออก
ได้ยินเสียงหลุดหัวเราะแผ่ว ๆ ออกมาจากคนอีกฝั่ง เสียงราวกับลอยอยู่ข้างหูนี่เอง ขนลุกซู่ขึ้นมาไม่ทราบสาเหตุ
“เอ้านี่ รางวัลพี่เลี้ยงดีเด่น” อีกฝ่ายว่าพลาง
ส่งอุปกรณ์สำหรับศีรษะชิ้นหนึ่งออกมาให้
มันเป็นที่รัดผม เกรดสีส้ม
ตัวเขาเลิกคิ้วอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
มองของชิ้นนั้นงง ๆ
“ตัวละครของเสี่ยวหลานชอบรัดผมนี่นะ”
“...ให้ผมหรือ?” พูดจบก็อยากตบปากตัวเองสักทีจริง
ๆ ความที่ส่วนหนึ่งในใจคิดเสมอว่าอีกฝ่ายเป็นท่านเทพผู้สูงส่ง
ซึ่งยังคงตีกับภาพลักษณ์ของคนจรไร้ยางอาย ณ ปัจจุบัน การแสดงออกจึงค่อนข้างสับสน ประเดี๋ยวชื่นชม ประเดี๋ยวหัวเสีย
“อื้อ” อีกฝ่ายตอบรับ
ณ วินาทีนั้น ความรู้สึกดี ๆ ก่อตัวขึ้นมาวูบหนึ่ง
“คุณไปเอามาจากไหน”
จวินม่อเซี่ยวตอบเสียงระรื่น “เก็บขยะได้มาน่ะ”
ไอ้ความรู้สึกดี ๆ
ที่ว่าพังครืนอย่างรวดเร็ว
เมาส์แทบแตกคามือหลานเหอ
ระเบิดพลังมือคว้าที่รัดผมนั่นมาปาลงพื้นด้วยความไวแสง “คุณนี่มัน!”
จวินม่อเซี่ยวหัวเราะอย่างครึ้มอกครึ้มใจ ไม่ได้บอกว่าที่แท้ไปซื้อหามาให้ด้วยราคาสูงลิ่วต่างหาก
ไม่กี่วันหลังจากนั้น
เหล่านู้บในกิลด์ซิงซินก็สังเกตว่าทรงผมสุดสะคราญพี่เลี้ยงของพวกเขาเปลี่ยนไป
มีอุปกรณ์สำหรับศีรษะเพิ่มขึ้นมาหนึ่งชิ้น รัดผมเป็นหางม้าพวงป้อม ๆ
เวลาวิ่งจะแกว่งไปมา น่ารักดีไม่หยอก
-End-
ร่วมด้วยช่วยพายค่ะ ในฐานะที่ขึ้นเรือมาแล้ว
สูดกาวฟืดดดดดดดดด
No comments:
Post a Comment