Monday 10 July 2017

[ฉวนจื๋อ Fanfiction] ที่รัดผม (เยี่ยหลาน) [One-shot]




คำเตือน
- เนื้อหากล่าวไปจนถึงเล่มหกของไทยค่ะ (กับมีคำศัพท์คำหนึ่งที่ออกมาในเล่มเจ็ดไทยค่ะ)
- เป็นแฟนฟิกชั่นที่มีกลิ่น BL ค่ะ (ชายรักชาย) รับไม่ได้ปิดนะคะ




Title : ที่รัดผม
Fandom : เทพยุทธ์เซียน Glory
Paring : เยี่ยหลาน (เยี่ยซิว*หลานเหอ)






“เหม่ออะไร คุณตั้งใจมาตายหรือ?”

เสียงเตือนนั้นทำเขาหลุดจากภวังค์ รีบรัวนิ้วบังคับตัวละครเจวี๋ยเซ่อให้โจมตีมอนสเตอร์ที่พุ่งเข้าใส่ หลังจากเขาทะเล่อทะล่าเข้าไปในอาณาเขตความเกลียดชังเกือบยกฝูงไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร

นับแต่มีไอดีสายลับ—ที่ตอนนี้ก็ไม่น่าเรียกว่าเป็นสายลับได้แล้ว—จับพลัดจับผลูมาช่วยจัดการกองทัพนู้บในกิลด์ซิงซินแบบตามน้ำ ดูเหมือนจะเผลอใจลอยอยู่บ่อยครั้งจนถูกทักเอาได้ ปรัชญาชีวิตพิลึกอย่างเช่น เริ่มต้นเล่นกลอรี่เพราะอะไร สถานะหนึ่งในห้ายอดฝีมือที่ถือครองอยู่ในอาณาจักรทวยเทพนั้นจีรังหรือไม่ ตายแล้วไปไหน (แน่นอน ถ้าโดนมอนฟาดตายตรงนี้ก็ไปเกิดใหม่) อะไรต่อมิอะไรผสมปนเปกันจนเหมือนหลุดไปอีกมิติอยู่บ่อย ๆ

“เห็นยืนนิ่ง นึกว่าไม่อยู่แล้วเสียอีก”

“ผมแค่คิดอะไรนิดหน่อย” เขางึมงำ เหวี่ยงดาบใส่มอนสเตอร์ที่กระโจนเข้ามาจากอีกฝั่ง

“เหอะ ๆ” อีกฝ่ายหัวเราะเหมือนรู้ว่าเขาแค่พูดไปส่ง ๆ ไม่เอ่ยอะไรต่อ ใช้เขี้ยวมังกรแทงใส่เจ้าตัวที่โผล่มาล่าสุดทีหนึ่งจนมันติดสตัน จากนั้นหลบฉากไปยืนว่างดูเขาฟาดฟันกับพวกที่เหลือ แม้ไม่อาจคาดเดาสีหน้าด้านหลังคีย์บอร์ด แต่เห็นว่าขนาดตั้งใจจะอยู่เฉย ก็ยังอุตส่าห์ใช้การควบคุมย่อยสั่งให้ตัวจวินม่อเซี่ยวยืนกอดอกไขว้ขา เอนกายพิงต้นไม้ด้วยท่วงท่าประหนึ่งจะถ่ายแบบ น่าหมั่นไส้อย่างถึงที่สุด

แต่ถึงอย่างไร ตอนนี้ควรโยนความหมั่นไส้ทิ้งไปก่อน หันมาให้ความสำคัญกับการต่อสู้ตรงหน้า เมื่อครู่เหม่อหนักไปหน่อย อีกทั้งไอดีสายลับนี้เขาไม่ได้เอามาใช้เก็บเลเวลจริงจังนัก อุปกรณ์ติดตัวก็ใช่จะดีเลิศ เพียงแต่วันนี้รู้สึกเบื่อขึ้นมา อยากปล่อยมือจากเรื่องปวดหัวทั้งหลายในกิลด์สักช่วงหนึ่งสั้น ๆ จึงตัดสินใจเข้ามาเล่น ยามนี้ต้องสู้กับมอนสเตอร์หลายตัวพร้อมกัน นับว่าตึงมือไม่น้อย

เดิมทีเขาตั้งใจเพียงเตร็ดเตร่ไปเรื่อย ๆ ลำพังสักสองสามชั่วโมง ไม่นึกว่ายังเรื่อยเปื่อยได้ไม่ทันเท่าไร กลับมีตัวกวนอารมณ์โผล่มาเหมือนมีใครร่ายเวทอัญเชิญคนจร

“ช้าจัง” จวินม่อเซี่ยวเอ่ยเสียงเนือย ระหว่างหลานเหอสู้มือเป็นระวิง เขาหรืออุตส่าห์บังคับตัวละครให้เหลือบไปมอง กังวลอย่างไร้ความหมายว่าอีกฝ่ายจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังทำท่าแคะเล็บ

หลานเหอแจกจุดรัว ๆ “...”

“เหอะ ๆ” ดวงตาของตัวละครจวินม่อเซี่ยวไร้แวว สีหน้าก็ไม่แสดงอารมณ์ แต่เสียงหัวเราะเรื่อยเฉื่อยของคนควบคุมนั่นมันช่างแสลงหูอย่างถึงที่สุด

“เก็บกวาดเสร็จแล้วเรียกเกอนะ”

“จะไปไหนก็ไปเลยไป!”

“จิ๊ ๆ ๆ ไล่กันอย่างนี้เสียน้ำใจรู้ไหม” อีกฝ่ายยังว่าไปเรื่อย “ไม่ใช่ว่าเรามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันหรอกหรือ”

“ใครไปมีสัมพันธ์อันดีกับคุณ!”

ท่านเทพก็ท่านเทพเถอะ เขาต่อในใจ บางทีพอฝันสลายซ้ำ ๆ จากตัวจริงที่ต่างกับภาพลักษณ์ท่านเทพเยี่ยชิวในจินตนาการเกินไป ก็อดไม่ไหวจะต่อปากต่อคำ มีสวนเข้าให้บ้าง

“เราเคยทำการค้ากันนี่นา เคยร่วมปาร์ตี้ลงดันหวานชื่น” คราวนี้จวินม่อเซี่ยวทำท่านับนิ้ว การควบคุมย่อยละเอียดอ่อนขนาดนั้นถูกนำมาใช้กับเรื่องไม่เป็นเรื่องจนเห็นแล้วหงุดหงิดอย่างไรพิกล “แล้วช่วงนี้ยังมาช่วยเกอเลี้ยงลูกอีก”

“เลี้ยงนู้บไม่ใช่เรอะ!” คราวนี้ถึงกับหลุดเสียงตวาด เริ่มคิดว่าถ้าเจอมอนสเตอร์พร้อมกับคนจร ให้ฟาดคนจรก่อนท่าจะดี

จวินม่อเซี่ยวหัวเราะ “ยอมรับว่ามาช่วยเลี้ยงจริงด้วยสินะ”

เหมือนเห็นหลุมอยู่ตรงหน้าแล้วก็กระโจนพรวดลงไปอย่างโง่เง่าที่สุด หลานเหอพูดไม่ออก เริ่มคิดว่าหรือถ้าเขาตีคนจรให้ตายไม่ได้ ก็ควรปล่อยให้มอนพวกนี้ฟาดตัวเองให้ตาย ๆ แล้วไปเกิดใหม่เสียจบเรื่องจบราว

ขณะต่อสู้ เหลือบเห็นการควบคุมตัวละครจวินม่อเซี่ยวให้ทำท่านั้นท่านี้เหมือนกำลังรอเขาอยู่จริง ๆ แล้วชวนประสาทเสีย เมื่อครู่นี้นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้า หันไปอีกทีกำลังเท้าคางพลางยกมืออีกข้างขึ้นจ่อริมฝีปากเหมือนกำลังเป่าปาก คนเรามันจะต้องว่างขนาดไหนถึงมานั่งโชว์การควบคุมท่วงท่าบ้า ๆ บอ ๆ ชมอีกฝ่ายรบรากับฝูงมอนสเตอร์

“ให้ช่วยไหม” เห็นจวินม่อเซี่ยวยกมือป้องปากทำท่าตะโกน พลางเอียงคออย่างน่ารักซึ่งไม่ได้เข้ากับแฟชั่นคนจรสักนิด หลานเหอหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ตัดสินใจทำหูทวนลมประหนึ่งไม่รู้จักเจ้าคนที่นั่ง ๆ ยืน ๆ เปลี่ยนท่าไปมาอยู่ตรงนั้น

ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง กว่ามอนสเตอร์ตัวสุดท้ายจะถูกโค่นลงได้ในที่สุด จวินม่อเซี่ยวตบมือแปะ ๆ เหมือนผู้ปกครองมาชมการแสดงของบุตรหลานในงานโรงเรียน

“เสี่ยวหลานทำได้ดีมาก” ว่าพลางบังคับตัวละครชูนิ้วโป้ง “เสร็จแล้วอย่าลืมไปช่วยเกอเลี้ยงเด็กต่อ”

“ไม่เลี้ยงแล้ว!” เขาโวยวาย “ผมไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็ก!”

“ถ้าอย่างนั้นเข้ามาออนไอดีนี้ทำไมล่ะ”

ถึงคราวหลานเหอแจกจุดให้ตัวเอง จากนั้นรีบแก้ตัวต่อในใจเป็นพัลวันว่าเขาแค่เบื่อเท่านั้น จึงมาหาอะไรที่สบายใจทำสักหน่อย

“ไม่ใช่ว่าอยู่กับเกอแล้วสบายใจกว่าหรอกหรือ” อีกฝ่ายยังเล็งจุดตายราวกับอ่านใจได้ คราวนี้หลานเหอได้แต่กลืนจุดยาวเหยียดของตัวเองลงไป อยากเถียงก็เถียงไม่ออก

ได้ยินเสียงหลุดหัวเราะแผ่ว ๆ ออกมาจากคนอีกฝั่ง เสียงราวกับลอยอยู่ข้างหูนี่เอง ขนลุกซู่ขึ้นมาไม่ทราบสาเหตุ

“เอ้านี่ รางวัลพี่เลี้ยงดีเด่น” อีกฝ่ายว่าพลาง ส่งอุปกรณ์สำหรับศีรษะชิ้นหนึ่งออกมาให้

มันเป็นที่รัดผม เกรดสีส้ม

ตัวเขาเลิกคิ้วอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มองของชิ้นนั้นงง ๆ

“ตัวละครของเสี่ยวหลานชอบรัดผมนี่นะ”

“...ให้ผมหรือ?” พูดจบก็อยากตบปากตัวเองสักทีจริง ๆ ความที่ส่วนหนึ่งในใจคิดเสมอว่าอีกฝ่ายเป็นท่านเทพผู้สูงส่ง ซึ่งยังคงตีกับภาพลักษณ์ของคนจรไร้ยางอาย ณ ปัจจุบัน การแสดงออกจึงค่อนข้างสับสน ประเดี๋ยวชื่นชม ประเดี๋ยวหัวเสีย

“อื้อ” อีกฝ่ายตอบรับ

ณ วินาทีนั้น ความรู้สึกดี ๆ ก่อตัวขึ้นมาวูบหนึ่ง

“คุณไปเอามาจากไหน”

จวินม่อเซี่ยวตอบเสียงระรื่น “เก็บขยะได้มาน่ะ”

ไอ้ความรู้สึกดี ๆ ที่ว่าพังครืนอย่างรวดเร็ว

เมาส์แทบแตกคามือหลานเหอ ระเบิดพลังมือคว้าที่รัดผมนั่นมาปาลงพื้นด้วยความไวแสง “คุณนี่มัน!”

จวินม่อเซี่ยวหัวเราะอย่างครึ้มอกครึ้มใจ ไม่ได้บอกว่าที่แท้ไปซื้อหามาให้ด้วยราคาสูงลิ่วต่างหาก







ไม่กี่วันหลังจากนั้น เหล่านู้บในกิลด์ซิงซินก็สังเกตว่าทรงผมสุดสะคราญพี่เลี้ยงของพวกเขาเปลี่ยนไป มีอุปกรณ์สำหรับศีรษะเพิ่มขึ้นมาหนึ่งชิ้น รัดผมเป็นหางม้าพวงป้อม ๆ เวลาวิ่งจะแกว่งไปมา น่ารักดีไม่หยอก







-End-







ร่วมด้วยช่วยพายค่ะ ในฐานะที่ขึ้นเรือมาแล้ว สูดกาวฟืดดดดดดดดด


No comments:

Post a Comment